วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

จากสำนึกสู่ปากกา...ของปัญญา ไกรทัศน์1


    จากสำนึกสู่ปากกา...ของปัญญา ไกรทัศน์  [ 22 ]



บุกรุกหาดทรายทั่วภูเก็ต...ใครรับผิดชอบ? (1)




...ผมได้รับการร้องเรียนทางอีเมล์ ถึงการบุกรุกตั้งร้านค้าริมชายหาดหลายหาดในจังหวัดภูเก็ต มีการก่อสร้างร้านค้าทั้งมุงจาก มุง ผ้าใบ บนหาดทราย และมีการนำหาดทรายอันเป็นที่สาธารณะของพี่น้องประชาชนทั้งจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าทารกหรือเฒ่า ไปเซ้งในราคาหลายล้านบาท


ทำให้ผมตัดสินใจลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบเมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา


อันที่จริงแล้ว ผมตกใจและตกตะลึงตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2552 คาบเกี่ยวกับหัวรุ่งของวันที่ 1 มกราคม 2553 ซึ่งผมเข้าไปร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตามคำเชิญของคุณเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ ที่ริมสระโรงแรมกะตะบีซ รีสอร์ท แอนด์ สปา แล้ว


ที่บอกว่า ผมตะลึงและตกใจเพราะว่า


ริมบันไดทางลงหาดของโรงแรมกะตะ บีซ รีสอร์ท แอนด์ สปา มีร้านค้าตั้งหลักปักฐานอย่างดี แถมขายเหล้า ขายเบียร์ ขายเครื่องดื่ม รวมถึงอาหาร


ผมเจอหน้าคุณเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ ได้ทำการสอบถามในเรื่องนี้ว่า ทำไมทางโรงแรมกะตะ บีซ รีสอร์ท แอนด์ สปา ไปตั้งร้านอาหาร บาร์เบียร์เหล้าบนหาดทรายของชายหาด


ผมคิดว่า คงจะต้องเสียสัมพันธ์กับคุณเอี่ยมเพราะเรื่องนี้


แต่ผมได้รับคำตอบและยืนยันคำตอบชัดเจนว่า


ไม่ใช่ของโรงแรมกะตะ บีซ รีสอร์ท แอนด์ สปา


ต้องไปถามเทศบาลตำบลกะรน เพราะเขาเป็นเจ้าของพื้นที่ และไม่ทราบที่ไปที่มาของการมาตั้งบนหาดทรายของชายหาดกะตะ


ที่ผมบอกว่า ผมได้รับการร้องเรียนทางอีเมล์ก็คือ


ชายหาดในทอน


ที่ผมเคยเขียนถึงว่า ผมชื่นชมธรรมชาติ เห็นต้นผักบุ้งทะเลกำลังออกดอกสีม่วงชูช่อสวย ผมประทับใจในความเป็นธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ เคยมีคนจะขายห้องริมหาดในทอนแห่งนี้ให้กับผม แต่เมื่อผมตรวจสอบแล้ว กลายเป็นบ้านที่เขาจะเสนอขายสองหลัง ตั้งบนไหล่ทางของถนน


ที่ใครก็สร้างอาคารบ้านเรือนและรุกล้ำไม่ได้


หากเจ้าพนักงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทราบและพบเห็น จะต้องดำเนินการสั่งการให้รื้อถอน หากดื้อแพ่งจะต้องดำเนินคดี โดยไม่ต้องเห็นแก่หน้าผู้หนึ่งผู้ใด ทั้งสิ้น


ผมเลยตัดสินใจไม่ซื้อ ทั้งที่ผมชอบบรรยากาศริมหาดในทอนที่มีความเป็นธรรมชาติสูง


หลัง จากนั้นไม่นาน ผมเห็นมีโรงแรมแห่งหนึ่งไปก่อสร้างบนไหล่ทางและคาบเกี่ยวลงไปบนหาดทรายและ ชายหาดครอบคลุมพื้นที่เข้า-ออกหาดในทอน ทำให้ผม เกิดอาการสงสัยว่า


ใครเป็นผู้ออกเอกสารสิทธิ์


ใครเป็นคนอนุญาตใบอนุญาตในการก่อสร้าง


ใครเกี่ยวพันกับงานนี้


ผมเงยหน้าขึ้นไปดูบนภูเขา แถวย่านเลพังไล่เรื่อยไปตามทางของเชิงทะเล ไปตามถนนรอบเกาะ ผมเห็นอาคารสูง คอนโดมิเนียม บ้านพักตากอากาศตั้งบนเทือกเขาที่มีความสูงเกินกว่าระดับน้ำทะเลถึง 80 เมตร


ทำให้ผมเกิดอาการสงสัยว่า


มันเกิดอะไรขึ้น ?


ทำไมไม่มีใครดำเนินการใดในเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นอำนาจของ


คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต


ที่จะต้องดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ตามกฏหมาย


แต่กลับละเลย ละเว้น และมองข้ามการที่จะต้องปฏิบัติตามกฏหมาย


ผมเห็นมีการบุกรุกที่ดินของเทศบาลนครภูเก็ต เพื่อสร้างห้องน้ำและร้านอาหารยื่นออกมาใจกลางเมืองภูเก็ต


แต่ผู้บริหารของเทศบาลนครภูเก็ตกลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นความผิดสำเร็จแล้วตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157


ที่ใครอ่านคอลัมน์ของผมแล้ว สามารถไปร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อผู้บริหารองค์กรที่ผมพาดพิงถึงได้ทันที


ผมไม่เข้าใจ เวลาชาวบ้านจะสร้างบ้าน ไปขอรังวัดที่ดินจากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต แทบจะต้องกราบฝ่าตีนของคนที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ เวลาไปขออนุญาตก่อสร้างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องผ่านหลายโต๊ะและมีหลายคำตอบที่ออกมาบอกชาวบ้านว่า


ผมมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมไม่ขัดข้องที่จะออกใบอนุญาตให้ แต่ปลัดกับเจ้าหน้าที่ของผมไม่ยอมจะ เอาตังค์


ผมได้ยิน และได้ฟังมามากต่อมากแล้ว แต่คนที่เล่าให้ผมไม่กล้าที่จะออกมาเป็นพยานเพื่อนำเรื่องราวดังกล่าวดำเนินการเพื่อให


เกิดตัวอย่างของการดำเนินคดีต่อ


คนที่กระทำการข่มขืน กระทำชำเรา ด้วยอารมณ์วิปริตต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


โดยไม่เกรงกลัวต่ออาญาแผ่นดิน


และคนที่นั่งมองอย่างเฉยเมยทั้งที่ต้องกระทำการดำเนินการจับกุม และดำเนินการทางด้านคดีอาญา กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างเกิดการ
ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


ผมว่าจะต้องดำเนินการเป็นรายๆไป
แต่นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะเขย่าเรื่องการไปสร้างร้านค้าบนชายหาดทำให้หาดทรายอันเป็นสมบัติของแผ่นดินเสียหาย...ต้องหาคนรับผิดชอบ ?

            ที่มา นสพ เสียงใต้   http://www.siangtai.com/th/news_detail.php?News_ID=8469&Cat_ID=3
วันที่ : 28 มี.ค. 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น